Image

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล เนื่องใน "วันที่ 20 กันยายน วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ"

ร่วมกิจกรรมตอบคำถาม >>คลิ๊ก<<

        คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติ เมื่อ 29 สิงหาคม 2538 ให้วันที่ 20 กันยายน ของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริ โดยเห็นว่าควรถือวันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จประพาสคลองแสนแสบเป็นวันพัฒนาแม่น้ำลำคลองแห่งชาติ

ความเป็นมาของวันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ
        ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน พ.ศ. 2537 ภาพคลองแสนแสบในจินตนาการของผู้คนโดยเฉพาะคนเมืองหลวงคงไม่พ้นภาพคลองน้ำครำสายใหญ่ สายยาวที่สุดของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะนับจากต้นคลองที่สะพานผ่านฟ้าผ่านย่านราชเทวี ประตูน้ำ คลองตัน จนถึงบางกะปิ คลองที่รกเรื้อเต็มไปด้วยวัชพืช เช่น หญ้าคา ผักตบชวา ประชาชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ จากคลองสายนี้อีกแล้ว ลบภาพคลองแสนแสบที่น้ำใสแจ๋วและภาพดำผุดดำว่ายของไอ้ขวัญ-อ้ายเรียมไปอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าชาวบ้านจะพยายามกันแล้วที่จะพัฒนาคูคลองดังกล่าว แต่ก็เมือนว่าเกินกำลังเพราะปัญหาคลองแสนแสบมิได้เกิดขึ้นเพียงวันสองวัน และไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ที่มักง่ายและไม่รู้คุณค่ามากลางปี 2537 มีกลุ่มผู้รักน้ำ และอับอายที่เห็นคูคลองทั่วกรุงเทพกลายเป็นท่อน้ำครำขนาดใหญ่ ซึ่งร่วมด้วยกองทัพบกตลอดจนสถาบันการศึกษาลงไปถึงโรงเรียนประถมและมัธยมทั่วกรุงเทพมหานคร ได้รวมตัวกันในชื่อโครงการว่า "โครงการรวมใจภักดิ์รักษ์คลองแสนแสบ"

        กระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2537 สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จประพาสตรวจสอบคลองแสนแสบ และเยี่ยมประชาชนสองฝั่งคลองระยะทางตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทาง 72 กิโลเมตร ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของชมรมรวมใจภักดิ์รักต้นไม้ แม่น้ำลำคลอง และสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ 20 กันยายน ของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลองแห่งชาติ ให้ปี 2544-2546 เป็นปีแห่งการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง

โครงการนำร่องเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม
        โครงการนำร่องเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมเริ่มต้นที่ คลองอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม คลองอ้อมนนท์-คลองบางกอกน้อย-คลองบางกรวย-จังหวัดนนทบุรี คลองด่าน-คลองบางขุนเทียน-คลองสนามชัย-กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคลองสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไปคลองอัมพวาเป็นคลองที่ตัดเชื่อมแม่น้ำแม่กลอง ริมฝั่งคลองเป็นที่ตั้งของวัดอัมพวันแจติยารามซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระมเหสีในรัชกาลที่ 1 และพระปรางค์ที่บรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 2 บริเวณท่าน้ำวัดดาวดึงษ์ เป็นที่ตักน้ำไปใช้ในพิธีสรงมุรธาภิเษกหรือพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ในทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบัน และมีประเพณีโบราณ การแข่งเรือโบราณ ประเพณีลอยกระทง ซึ่งยังมีการจัดเป็นประจำทุกปีคลองอ้อมนนท์ - คลองบางกอกน้อย - คลองบางกรวย นนทบุรี

        เป็นย่านชุมชน แหล่งพืชผลทางเกษตร และเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันยังมีบ้านทรงไทย และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมหลงเหลือให้เห็oอยู่ คลองด่าน - คลองบางขุนเทียน - คลองสนามชัย กรุงเทพฯ

        เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯกับหัวเมืองใกล้เคียงต่างๆ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่โบราณ โดยเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่าที่เรียกว่า คลองบางกอกใหญ่หรือคลองบางหลวงไปออกแม่น้ำท่าจีน ความสำคัญของ แม่น้ำ ลำคลอง

        แม่น้ำลำคลองในอดีตนั้นมีบทบาทสำคัญมาก ตลอดสองฝั่งคลองเป็นที่ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของมนุษย์ ทำให้มีการใช้เส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำเป็นหลัก ทั้งยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพื่อการเกษตร เป็นแหล่งผลิตอาหาร และยังเป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรม ประเพณีทางน้ำมากมาย ประเพณีการแข่งเรือ ประเพณีลอยกระทง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ปัจจุบันยังมีการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอยู่บ้าง เพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม แต่จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของคนไทย ถนนกลายเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่ง ดังนั้นบ้านที่อยู่ติดน้ำจึงกลายเป็นหลังบ้านซึ่งลดความสำคัญลงไป การใช้น้ำจากระบบประปา การสร้างบ้านเรือนที่อิงไปกับเส้นทางถนนมากกว่าริมน้ำ การปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแม่น้ำ คู คลอง รวมถึงการถมพื้นที่ริมน้ำ ทำให้แหล่งน้ำต่างๆ กลายเป็นเพียงที่รองรับและระบายน้ำฝนและน้ำเสียเท่านั้น

        ประชาชนมีส่วนอนุรักษ์รักษาคูคลองอย่างไร ถ้ามีความร่วมมือกันอนุรักษ์แม่น้ำ คู คลองอย่างจริงจัง จะได้ช่วยกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คูคลองให้กลับมีความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชน เป็นสถานที่ระบายอากาศให้ชุมชน เพื่อสร้างภูมิทัศน์และรักษาพื้นที่ป่าริมน้ำไว้ด้วย เป็นการช่วยอนุรักษ์แหล่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตแต่โบราณซึ่งมีคุณค่าและมีเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน

        ประชาชนมีส่วนสำคัญในกรอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง ด้วยการไม่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง มีการบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนและชุมชน ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำ คู คลอง ด้วยระบบบำบัดง่ายๆ การใช้ตะแกรงตักขยะ บ่อดักไขมัน หรือการใช้ระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมหรือไม่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแม่น้ำ คู คลอง ทั้งหมดนี้ต้องร่วมมือกันสร้างวินัยให้เกิดขึ้น

ร่วมกิจกรรมตอบคำถาม >>คลิ๊ก<<

 

ขอคุณรูปภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/

โพสโดย Administator 9 ก.ย. 2567
ข่าวสารอื่นๆ

แสดงทั้งหมด

ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

38 ม.8 ต.นาวุ้ง อ.เมือง จ.เพชรบุรี 76000
เบอร์โทร : 032-708609
อีเมล : saraban_arit@pbru.ac.th

Privacy Policy