ชื่อบูธ/หน่วยงาน
ชุมชนซอยตลาดริมน้ำ (ชุมชน 100 ปี) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
ผู้ให้ข้อมูล/ผู้ให้สัมภาษณ์
คุณฐิตมา ศิริเรือง
อาหารที่จัดแสดง
1. ขนมอิ่วก้วย
2. ข้าวอบเผือก (โอ่วปึ่ง)
ลักษณะของอาหารและการปรุง
ขนมอิ่วก้วย เป็นขนมไหว้เจ้าและขนมกินเล่นของชาวจีนมาแต่โบราณ คนจีนยุคเก่าก่อนมักทำขนมอิ่วก้วยขึ้นใช้ในการไหว้เจ้าถอเป็นขนมมงคลและทำสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะใช้ในวันขอบคุณเจ้าที่ปึงเถ้ากง ที่ได้คุ้มครองให้สมาชิกในครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายขึ้น กิจการเจริญรุ่งเรือง สมัยก่อนคนจีนทำเกษตรปลูกข้าว ก็จะเก็บข้าวเหนียวส่วนหนึ่งไว้ โม่แป้งแล้วนำมาทำขนมนวดกับมันบด ข้างในมีใส่ไส้ ถั่ว ไส้เผือก ไส้ผัก ไส้มะพร้าว แล้วปั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมบ้าง ทรงกลมบ้าง มักใช้กับไส้ผัก ก่อนนำไปทอดในกระทะ ที่มีน้ำมันร้อนจัด จนเหลืองสีสวยน่ารับประทาน
ส่วนผสมแป้งขนมอิ่วก้วย ประกอบด้วย
1. แป้งข้าวเหนียว
2. แป้งข้าวเจ้า
3. มันเทศต้มบด
4. น้ำร้อน
ส่วนผสมไส้ขนมอิ่วก้วย ประกอบด้วย
1. กะหล่ำปลีซอย
2. หมูบด
3. กระเทียมสับ
4. ซีอิ้วขาว
5. น้ำตาล
6. พริกไทยป่น
7. น้ำมันพืช (สำหรับนวด)
8. น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
ขั้นตอน/วิธีการทำขนมอิ่วก้วย
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันตามด้วยกระเทียมผัดจนหอมใส่หมู กะหล่ำปลี ผัดจนสุก ปรุงด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาลพักไว้ให้เย็น
2. ผสมแป้งทั้งสองกับมันบดให้เข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลไปนวดให้เข้ากัน
3. นำแป้งข้าวเหนียวถูมือเล็กน้อย แบ่งแป้งมาปั้นเป็นทรงกลม ขนาดตามชอบ
4. ใช้มือแผ่แป้งออก ใส่ไส้ลงไป ห่อให้เรียบร้อย
5. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางอ่อน ใส่น้ำมันลงไปรอจนร้อนนำไปทอดจนสุกเหลือง
6. พักให้สะเด็ดน้ำมัน เป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน
ข้าวอบเผือก (โอ่วปึ่ง) ข้าวอบเผือก เป็นเมนูอาหารจีนแต้จิ๋ว มีสรรพคุณต่อร่างกาย เผือกมีธาตุเหล็กสูง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัสและวิตามินบี 2 ที่บำรุงทุกส่วนของร่างกาย ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก เนื่องจากต้องเตรียมเครื่องปรุงหลากหลายอย่าง
ส่วนผสมข้าวอบเผือก (โอ่วปึ่ง) ได้แก่
1. ข้าวหอมมะลิเก่า
2. เผือกหอม
3. เห็ดหอมแห้ง
4. กุนเชียง
5. กระเทียม
6. น้ำมันพืชสำหรับทอด
7. ซีอิ้วขาว
8. ซอสหอยนางรม
9. น้ำตาลทราย
10.น้ำแช่เห็ดหอม
11. พริกไทยป่น
12. ต้นหอมซอย
13. ผักชีสำหรับตกแต่ง
ขั้นตอน/วิธีการทำข้าวอบเผือก (โอ่วปึ่ง)
1. ซาวข้าวสาร พักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำก่อนนำไปหุง
2. เผือกหั่นลูกเต๋าขนาด 3 ซม. เห็ดหอมแห้งล้างแล้วแช่น้ำจนนุ่ม ตัดก้านแข็งออกแล้วหั่นเป็นเสี้ยว กุนเชียงหั่นเป็นชิ้นพอคำ และกระเทียมสับเตรียมไว้
3. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่เผือกลงไปทอดพอสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เผือกหอมเนื้อจะร่วนซุยมีกลิ่นหอม การทอดเผือกก่อนทำข้าวอบเพื่อให้เผือกสุกและข้าวอบมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น
4. ใส่กุนเชียงลงไปทอดต่อ ระวังไหม้ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน หรือจะใช้เป็นหมูสามชั้นแทนก็ได้
5. ใส่กระเทียมสับ (เหลือไว้ 1 ช้อนชา) ลงเจียวให้เหลืองตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันสำหรับโรยหน้า
6. เทน้ำมันออกให้เหลือไว้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียมสับที่เหลือลงผัดให้เหลืองหอม ใส่เห็ดหอมลงผัดต่อจนหอม ใส่เผือกและกุนเชียงที่ทอดเตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว และน้ำตาลผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ
7. ใส่ข้าวสารและเครื่องที่ผัดไว้ลงในหม้อหุงข้าวคนให้ทั่วเติมน้ำแช่เห็ดหอม ปิดฝาหม้อและหุงให้ข้าวสุก
8. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว พริกไทยป่น ต้นหอมซอยตกแต่งด้วยผักชี เป็นอันเสร็จ
แนวทางการอนุรักษ์การสืบสาน
มีการเผยแพร่โดยการเป็นวิทยากรให้ตามหน่วยงานต่างๆ
การติดต่อสื่อสาร
ชุมชนซอยตลาดริมน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี (อร 086-799-4851)