GREEN LIBRARY & GREEN OFFICE

พลูราชินีสีทอง ต้นพลูหัวใจสีทอง ราชินีสีทอง



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Epipremnum aureum (Lind. & Andre ) Bunting Lime 
ชื่อวงศ์ : Araceae 
ชนิดพืช : ไม้เลื้อย, ไม้ประดับ ขนาด: ขนาดเล็ก 
ลักษณะ : ปลูกได้ในดินทั่วไป อัตราการเจริญเติบโต: เร็ว ความชื้น: สูง แสง: แดดปานกลาง-ร่มรำไร 
ลักษณะทั่วไป
       ไม้เลื้อย เนื้ออ่อน อายุหลายปี ลำต้นเลื้อยไปตามพื้นหรือมีรากเกาะพัน กับต้นไม้ใหญ่หรือเสาหลักอื่นๆ เมื่อแก่มีเนื้อไม้ กิ่งก้านสีเขียวถึงสีเขียวอ่อนอมเหลืองมักมีขีดตามยาวสีเหลือง หรือสีขาว 
       ใบ: ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมรูปหัวใจ กว้าง 5-30 เซนติเมตร ยาว 7-45 เซนติเมตร ปลาย ใบเรียวแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา อวบน้ำ ผิวใบด้านบนมีสีเขียวอมเหลือง (Lime) 
       ดอก: ออกเป็นช่อเเบบช่อเชิงลด มีกาบหุ้ม มักไม่ออกดอกให้เห็นจนกระทั่งต้นสมบูรณ์เต็มที่ ราชินีสีทอง ต้นนี้สามารถออกดอกได้เช่นกัน แต่มักไม่ออกดอกให้เห็นจนกระทั่งสมบูรณ์เต็มที่ 

สรรพคุณ
       เป็นไม้ประดับตามอาคารบ้านเรือน ภายในอาคาร หรือปลูกเป็นไม้คลุมดิน หรือพรางสายตาจากสิ่งที่ไม่น่ามอง และปลูก เพื่อความสวยงาม
      ใช้ดูดสารพิษอย่างแอมโมเนียในห้องน้ำหรือในสำนักงานที่มีเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เขียว หรือที่ที่มีการใช้น้ำยาทำความสะอาด
      ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลเสริมบารมีและคุ้มครองคนในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข 

การปลูกและดูแลรักษา 
      การปลูกในแปลงจัดสวน การปลูกในแปลงจัดสวนเป็นลักษณะการปลูกที่เหมาะสำหรับทุกพันธุ์ โดยพลูด่างราชินีสีทองจะปลูก เป็นไม้ระดับล่างให้เลื้อยตามพื้นหรือใช้หลักอิงที่ไม่สูงมาก 

      การปลูกในกระถาง เหมาะสำหรับพลูด่างราชินีสีทอง ซึ่งมีทั้งการปลูกในกระถางแขวน หรือกระถางตั้งดิน โดยใช้ดิน ผสมกับวัสดุอินทรีย์ เช่น แกลบ ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ หรือมูลสัตว์ อันตราส่วนดินกับวัสดุอินทรีย์ที่ 1:1 หรือ 2:1 การปลูกในกระถาง ตั้งดิน จำเป็นต้องใช้หลักปักกลางกระถางงที่หุ้มด้วยขุยมะพร้าวสำหรับให้รากยึดเกาะ การรดน้ำจะรดจากปลายหลัก ให้ไหลลงปากกระถาง ส่วนการ ปลูกในกระถางแบบแขวน ต้นพลูด่างจะอิงลำต้นตามลวดที่ขึงไว้ แต่หากต้นโตมากจำเป็นต้องคอยตัดแต่งให้มีขนาดที่เหมาะสม แต่ทั่วไปนิยมปล่อยเลื้อยให้ห้อยลงด้านล่าง 

      การปลูกในแจกัน การปลูกในแจกันหรือวัสดุประยุกต์อื่น เช่น แก้วน้ำ ขวดน้ำ จะใช้น้ำแดนดิน อาจใช้น้ำเพียงอย่างเดียว หรือน้ำละลายปุ๋ยเคมี หากใช้น้ำอย่างเดียว น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำบ่อหรือน้ำบาดาลที่ลักษณะใส ไม่สกปรกหรือไม่ใช่น้ำเน่าเสีย เพราะแหล่งน้ำประเภทนี้จะมีแร่ธาตุที่ช่วยเสริมการเติบโตได้ดีกว่าน้ำฝนหรือน้ำประปา