GREEN LIBRARY & GREEN OFFICE

ต้นหว้า



ชื่อภาษาอังกฤษ: Black plum, Jambolan plum, Java plum , Black Poum
ชื่อวิทยาศาสตร์: Syzygium cumini
ชื่อวงศ์: Myrtaceae
ชื่ออื่นๆ : หว้าขี้แพะ (เชียงราย), มะห้า, ห้า, หว้าป่า, หว้าขาว, หว้าขี้นก, จามาน-จามูน (ฮินดู)
         มีถิ่นกำเนิดจากอินเดียจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยพบทั่วไปตามป่าดิบชื้นและป่าผลัดใบ ตั้งแต่ระดับใกล้น้ำทะเลจนถึงระดับความสูง 1,100 เมตร เป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำเพชรบุรี
         ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 20 เมตร ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มกลมหรือรูปไข่ กิ่งอ่อนรูปสี่เหลี่ยม เปลือกต้นสีเทาอ่อนหรือสีออกน้ำตาล แตกเป็นร่องลึกตามยาว 
         ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปขอบขนาน ขนาดกว้าง 3-8 ซม. ยาว 7-16 ซม. ปลายใบมนป้าน ฐานใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ เป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบหนาและเหนียว ผิวใบเรียบเกลี้ยง เส้นใบข้าง 6-12 คุ่ เส้นใบที่ขอบใบ 1 หรือ 2 เส้น เส้นใบปิดขนานขอบด้านข้าง เส้นกลางใบจมจากด้านบน ก้านใบยาว 0.5-1.6 ซม. กิ่งก้านสีครีมอ่อน เปลือกหลุดลอกได้ ใบอ่อนสีน้ำตาลอมแดง 
          ดอกช่อแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกเล็กสีเขียวอมเหลือง ช่อดอกยาวได้ถึง 8 ซม. ดอกย่อย 30-40 ดอก เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 1-1.5 เซนติเมตร ดอกย่อยไม่มีก้านดอก กลีบดอก 4 กลีบ เชื่อมเป็นถุงปิดดอกตูม และหลุดเมื่อดอกบาน กลีบมีต่อมเป็นจุดๆ เกสรตัวผู้จำนวนมาก สีขาว ปลายสีเหลืองอ่อน เกสรตัวผู้วงนอกขนาด 1.5-2.5 มม. ก้านเกสรตัวเมียยาวไม่เกิน 1.5 มม. ชั้นกลีบเลี้ยง 2.3 มม. เชื่อมติดกับฐานรองดอกรูปกรวย ปลาย 4 แฉก สีเขียวอ่อน 
          ผล ผลสดรูปทรงกลมแป้น ขนาด 1.3-1.5 ซม. สีเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพู เมื่อสุกมีสีแดงเข้ม ถึงม่วงดำ ปลายหรือก้นผลบุ๋ม รวมกันเป็นพวง ผลสุกรสหวานอมเปรี้ยว มีรสฝาดเล็กน้อย ฉ่ำน้ำ รับประทานได้ มี 1 
เมล็ด ทรงกลมแป้น สีน้ำตาลอ่อน ออกดอกราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ติดผลราวเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
 
ประโยชน์
  1. สามารถนำผลไปรับประทานแบบสดได้
  2. ผลของต้นหว้าสามารถนำไปแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นได้ เช่น น้ำผลไม้ ไวน์ เป็นต้น
  3. ผลของต้นหว้าสามารถนำไปแปรรูปเป็นแยมได้ เนื่องจากมีรสชาติที่เปรี้ยวอมหวาน
  4. ผลของต้นหว้า มีสารแอนโทไซยานิน เป็นสารที่ต้านอนุมูลอิสระ หรือสารค้านโรคมะเร็งนั่นเอง, มีธาตุเหล็กที่จะช่วยบำรุงเลือด ฟัน และกระดูก
  5. คนในภาคใต้มักนิยมนำต้นหว้ามารับประทานแบบสดๆ คู่กับขนมจีนน้ำยา
  6. ต้นหว้าเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ผู้คนนิยมปลูกไว้ในบริเวณบ้าน เพราะจะช่วยให้ร่มเงา ให้ความร่มรื่นแก่บ้านเรือน
  7. เปลือกไม้สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของการทำอาคารบ้านเรือนได้
  8. ต้นหว้ามีสรรพคุณทางสมุนไพรไทยอย่าง หลอดลมอักเสบ หอบหืด ท้องร่วง ท้องผูก
  9. เปลือกไม้ นำมาต้มเพื่อรับประทาน แก้โรคบิด หรือสามารถนำมาอมเพื่อแก้อาการปากเปื่อยได้ ยังนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  10. ผลที่ยังดิบอยู่ สามารถมารักษาอาการท้องเสีย ท้องร่วงหรือโรคบิด
  11. ใบและเมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มกับน้ำตาล แล้วนำน้ำที่ได้มาล้างแผลเน่าเปื่อยได้
  12. ใบของต้นหว้าสามารถนำมารักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนัง แก้อาการน้ำลายเหนียวข้น
  13. ส่วนของเมล็ดในผลของต้นหว้าสามารถนำมารับประทานเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และใช้ถอนพิษ
  14. เปลือกและใบ ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ด
  15. ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการเพิ่มการหลั่งน้ำดี และน้ำย่อยต่างๆ (น้ำมันหอมระเหย)
 
วิธีการปลูกต้นหว้า
         ต้นหว้าสามารถขยายพันธุ์ได้ถึง 3 วิธี คือ 1.การเพาะเมล็ด 2.การตอนกิ่ง 3.การที่ค้างคาวกินผลแล้วถ่ายมูล วิธีที่เพาะเมล็ดนั้น ให้นำทิชชู่มาวางไว้ในภาชนะที่มีฝาปิด แล้วเติมน้ำในชุ่ม จากนั้นนำเมล็ดมาวางไว้แล้วปิดด้วยทิชชู่อีกชั้นหนึ่ง แล้วปิดฝา รอให้ต้นอ่อนเจริญเติบโตภายในเวลา 15 วัน แล้วจึงค่อยย้ายต้นหว้าไปลงในกระถางต้นไม้ แล้วดูแลรักษาประมาณ 3 เดือนถึงจะย้ายต้นหว้าลงสู่ที่ดินหรือแปรงปลูกที่ต้องการได้ เพื่อทำให้รากของต้นหว้าแข็งแรง ไม่เสียหายกลางคัน ไม่ควรปลูกใกล้สถานที่อาคารบ้านเรือนมากเกินไป เนื่องจากรากจะชอนไชทะลุอาคารได้ ควรปลูกกลางแจ้งหรือกลางสนาม
 
วิธีการดูแล
         แสง ต้องการแสงปานกลางหรือมาก
         น้ำ ควรรดน้ำวันละ 5-7 ครั้งต่อวัน
         ดิน สภาพดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์
         ปุ๋ย ไม่ต้องการมาก เนื่องจากต้นหว้าสามารถเจริญเติบโตได้เอง ทนต่อสภาพแวดล้อม แต่ถ้าต้องการเร่งควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
 
รายการอ้างอิง
         เกษตรทูเดย์. (2566). ต้นหว้า พันธุ์ไม้สง่านานาสรรพคุณ. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2566. จาก https://kaset.today
         วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2565) หว้า. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2566. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/หว้า